สมาชิกเข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิกใหม่ | ลืมรหัสผ่าน
กลับไปหน้าแรก
มหาเวทย์ 63 สาขา แรก
ขายพระงั่ง แม่เป๋อ
หน้ารวมสินค้า
คลิกเพื่ออ่านศูนย์รวมความรู้
คลิปVDOให้ความรู้
ห้องพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้
วิธีชำระเงิน
ติดต่อ-สั่งซื้อ
สมัครสมาชิก
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 9
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 739
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 9,806,844
 เปิดเว็บ 26/03/2557
 ปรับปรุงเว็บ 28/03/2567
 สินค้าทั้งหมด 430
28 มีนาคม 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
     
10  11  12  13  14  15  16 
17  18  19  20  21  22  23 
24  25  26  27  28  29  30 
31             
รู้จักเว็บ มหาเวทย์63 จากที่ไหน
# google
# นิตยสาร
# มีคนแนะนำมา
# ได้รู้จักจากคำบอกเล่า
# พบเจอโดยบังเอิญ
 Webboard
www.mahawed63.net > พระงั่งเขมร พระงั่งตาแดง เครื่องรางเขมร > ทางสามแพร่ง (เรื่องเล่าแห่งพงไพร)
  ผู้เขียน
 หัวข้อ : ทางสามแพร่ง (เรื่องเล่าแห่งพงไพร) (อ่าน 5808)   
mahawed63
สมาชิก
เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2559 00:04 น.
เรื่องเล่าแห่งพงไพร : สามแพร่งอาถรรพ์
โดย ชาลี เอี่ยมกระสิทธุ์

" border="0" />

เรื่องของไสยศาสตร์ เรื่องความลี้ลับในป่า โดยเฉพาะทางสามแพร่งกลางดงดิบ พรานช่วยได้เล่าถึงความเป็นมาให้พวกเราฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารู้สำหรับพวกเราที่ชอบใช้ชีวิตออกป่าดงพงไพรอยู่เสมอมา และการปรับชีวิตให้เข้ากับชีวิตพรานนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างชนิดอย่าได้ฝ่าฝืนกันเป็นอันขาด พรานช่วยเล่าว่า
บนเส้นทางสามแพร่งนี้แต่เดิมมาก็มิได้มีศาลเพียงตา แต่มันมีเหตุผลให้รถชนกันตรงทางสามแพร่งนี้บ่อยที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะชน เพราะว่าใช่ว่ารถมันจะวิ่งผ่านกันบ่อยนัก แต่ละครั้งที่ชนกัน จะต้องมีฅนตายเสมอหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสถึงพิการไปเลย ผู้เป็นเจ้าของเหมืองเห็นว่า ตรงทางสามแพร่งนี้น่าจะมีอาถรรพ์ เชื่อกันว่าอาจมีวิญญาณหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาอารักขาอยู่ เมื่อไม่ได้รับการเซ่นไหว้ตาที่ควร จึงบันดาลให้เกิดเหตุร้ายถึงตายตรงทางสามแพร่งนี้เสมอมา เจ้าของเหมืองแร่มิได้นิ่งนอนใจ ได้นำเรื่องร้ายนี้ไปปรึกษาท่านผู้ใหญ่ที่มีความรู้ในเรื่องนี้ว่าควรจะแก้ไขหรือทำอย่างไรดี ได้รับคำแนะนำให้ไปพบพลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์ ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสกันมากว่าเป็นผู้ที่ทรงคุณวุฒิในเรื่องการนั่งทางใน สามารถที่จะถอดกระแสจิตออกไปหยั่งรู้ถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาเพศต่าง ๆ
เมื่อทราบถึงเหตุร้ายจากทางสามแพร่งนี้เจ้าของเหมืองจึงได้รับคำแนะนำจากหลวงสุวิชานฯ หลังจากท่านได้นั่งทางใน เพื่อปล่อยกระแสจิตออกไปยังทางสามแพร่งแห่งนี้แล้ว
ตรงทางสามแยกแห่งนี้ เดิมนั่นมีวิญญาณของเจ้าแม่กะเหรี่ยงสิงสถิตอยู่บนไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ต่อมาเมื่อมีการทำเหมืองทำทางลำเลียงขนส่งแร่ ต้นไม้น้อยใหญ่ต้องถูกโค่นบุกเบิกให้เป็นช่องเป็นทาง และบังเอิญต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอันเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณเจ้าแม่กระเหรี่ยงก็ต้องถูกโค่นลงด้วย แน่ละวิญญาณของเจ้าแม่กะเหรี่ยงนั้นก็กริ้วโกรธ บันดาลให้เกิดอาเพศเหตุร้ายตรงทางสามแพร่งนี้เรื่อยมา วิธีแก้ไขมีทางเดียวให้เจ้าของเหมืองทำการปลูกศาลเพียงตา เพื่อให้วิญญาณของเจ้าแม่นี้ได้สิงสถิตแทนไม้ใหญ่ที่เคยอยู่ แล้วเหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากรถชนกันก็จะสิ้นสุดลง ดังนั้น การเซ่นไหว้ทำพิธีสร้างศาลเพียงตาก็ได้ทำขึ้นและอัญเชิญวิญญาณของเจ้าแม่กะเหรี่ยงขึ้นศาล เจ้าแม่กะเหรี่ยงนี้มีชื่อว่า “เจ้าแม่กาลิโท่”

" border="0" />

นับว่าเป็นเรื่องของป่า ๆ ดง ๆ เรื่องของมนต์ดำซึ่งหลายท่านอาจจะเห็นเป็นเรื่องเหลวไหล ขณะเดียวกันด้วยความเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เหลวไหลนั่นเอง เพื่อนของเราหลายฅนก็เกือบจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งเสียในป่าด้วยการกระทำอันเย้ยหยันต่ออำนาจมืดในป่าดิบและดงดำ ข้าพเจ้าเชื่อว่าความประหลาดล้ำในป่าเป็นความจริง!
เรื่องของวิญญาณ เรื่องไสยศาสตร์ในป่าสูงนั้น แม้ว่าท่านจะไม่ศรัทธากับเขา...พรานป่า ก็อย่าไปลบหลู่จะดีกว่า นอกจากจะไปทำให้ขุ่นเคืองในการเดินป่าที่จะต้องร่วมทางกันไปนานวันแล้ว เหตุยุ่งยากย่อมจะติดตามมาอีกหลายเรื่อง
หลังจากพิธีตั้งศาลเพียงตาอันเชิญวิญญาณของเจ้าแม่กาลิโท่ มาสิงสถิตอยู่ที่ไม่ใหญ่ทีโค่นไปแล้ว ปรากฏว่ามิได้มีอุบัติเหตุจากรถชนกันตรงทางสามแพร่งนี้อีกเลย
ทำนองเดียวกันนี้ ท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านเรื่องป่าสูงยูงยางมานี้ก็คงจะเข้าใจดีว่า ทำไมสายตาของฅนเราจึงมองปาไม้เห็นไม่เหมือนกัน เมื่อข้าพเจ้ามองเห็นเสือสมิงกลางหนองบัวตัวนั้นเป็นสุ่มปลา ขณะที่เพื่อนและพรานมองเห็นเป็นเสือลายพาดกลอน
เรื่องใครจะตาฝาดหรือภาพนั้นหลอนไม่มีใครอธิบายได้ในเมื่อเราเห็นกันอย่างชัดแจ้งท่ามกลางแสงไฟสว่างจ้า และไม่มีใครเมาหรือตาลาย แต่มันก็เห็นผิดกันไปได้เช่นนี้ เขายิงฅนหรือยิงเสือ แต่การยิงในระยะฉกรรจ์นั้นก็พลาด ข้าพเจ้าโล่งอกไปเพราะตะโกนเสียงหลงไปว่า “อย่ายิง - นั่นฅน” แต่เสียงปืนลั่นแล้ว ที่ตรงขอบหนองนั้นไม่มีทั้งฅนและเสือเค้เก้อยู่ นอกจากรอยเลือดเสือลายพาดกลอนขนาดเขื่องทิ้งไว้เห็นเด่นชัด เรื่องของป่ามักจะเป็นเช่นนี้
เรื่องมหัศจรรย์นี้มิได้เกิดเพียงกับพวกเราที่ตระเวนไพรมานับสิบ ๆ ปี แต่ได้เกิดขึ้นกับพรานอเมริกันเพียงชั่วที่เขาได้มาตระเวนกับเราเป็นครั้งแรก เพราะพรานอเมริกันอาจจะเข้าใจดีถึงขนบประเพณีพรานทางเอเซียว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเข้ากับความเป็นไปกับป่านั้นได้ ผลของการกระทำตนเป็นไปตามแบบฉบับของพรานป่าจึงเป็นผลให้เขาประสบความสำเร็จในการออกป่าล่าสัตว์ได้อย่างงดงามที่สุดอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พรานฅนหนึ่งเตือนเราว่า
“อีกไม่ช้าเรากำลังจะเดินทางเข้าไปในป่า กวาง”
“ใครว่า” เสียงอำนวย เหล่าบุญมีถาม “เมืองกวางกระนั้นหรือ”
“กวางและกวางเต็มไปหมด” เสียงพรานตอบ “นายจะพบแต่กวางทั้งป่า”
เราผ่านศาลเจ้าแม่กะเหรี่ยงกาลิโท่ สามแยกมฤตยูที่ปัจจุบันไม่มีอันตรายอันใดเกิดขึ้นอีกแล้ว หลังจากที่เจ้าของเหมืองได้สร้างศาลให้เจ้าแม่ได้พักพิงเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวป่าชาวเหมือง พร้อมด้วยเรื่องราวในอดีตอันน่าพิศวง เรื่องของวิญญาณ เรื่องของความเร้นลับที่ไม่อาจพิสูจน์กันได้อย่างชัดแจ้งตามที่สายตาของเรามองทางสามแพร่งแหงนี้แล้วก็ไม่น่าเลยทีเดียวที่จะเกิดเหตุร้ายแรงถึงกับรถชนกันตายได้บ่อย ๆ รวมทั้งรถมาพลิกคว่ำจำหงายตรงทางสามแพร่งนี้ เนื่องจากความเงียบเชียบของป่าย่อมจะทำให้เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มก้องไปกับราวป่า ล้อที่บดไปบนดินนั้นจะต้องสะเทือนอย่างแรงและได้ยินไกลมากประกอบกับหูที่คุ้นกับเสียงของสารถีผู้ชำนาญทางจะได้ยินและจะต้องรั้งรอความเร็วเมื่อถึงทางสามแพร่ง และแน่ละ และนานหนักหนากว่ารถจะแล่นมาสวนกันสักครั้งหนึ่ง แต่รถก็ประสานงากันจนได้ อำนาจมืดอันใดกระนั้นหรือแน่ละ ชาวป่าและชาวเหมืองยกมือขึ้นวันทากันอย่างเคารพด้วยใจจริง นับแต่ศาลนี้ได้ประดิษฐานขึ้นแล้ว เหตุร้ายจากรถคว่ำหรือชนกันก็ไม่เกิดขึ้นบนทางสามแพร่งอีกเลย
แก้ไขเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2559 00:21 น.

:h: กตัญญูรู้คุณ คิดดีทำดี มีคุณธรรม ทำอะไรก็เจริญ :h:



Copyright by mahawed63.net
Engine by MAKEWEBEASY